
ในการซื้อขาย เราสามารถพึ่งพาสัญญาณเข้าที่แตกต่างกันมากมายได้
อัปเดทแล้ว • 2024-06-11
ในตอนนี้ คุณได้เรียนรู้พื้นฐานบางอย่างมาบ้างแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาสำหรับการเรียนรู้กลยุทธ์การซื้อขายแล้ว! วันนี้เราจะพูดถึงสามกลยุทธ์ที่เป็นที่นิยม และมีประโยชน์มากที่สุด หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ให้ไปลองทดสอบบนบัญชีทดลองดู กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า การเทรดนั้นทำงานอย่างไร และมอบแผนปฏิบัติการให้กับคุณ
คุณจะต้องประหลาดใจแน่ถ้าคุณได้ทราบว่า แท่งเทียนเพียงแท่งเดียวนั้น สามารถบอกอะไรคุณเกี่ยวกับตลาดได้ สังเกตได้ว่ากลยุทธ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับแท่งเทียนญี่ปุ่น
ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือรูปแบบ 'hammer' หรือ 'ค้อน' มันสามารถส่งสัญญาณของจุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาลง, จุดต่ำสุด หรือระดับแนวรับได้ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะมองเห็นรูปแบบนี้บนกราฟ เนื่องจากมันดูเหมือนค้อนจริงๆ ทั้งส่วนด้ามยาวและส่วนหัว ส่วนของด้ามจับหรือเงาของแท่งเทียนนั้น ควรมีความยาวเป็นอย่างน้อยสองเท่า ของตัวแท่งเทียนจริง มองหาแท่งเทียนดังกล่าวหลังจากที่ราคาลดลง นี่เป็นเงื่อนไขที่สำคัญ รอให้แท่งเทียนรูปค้อนปิด: ซึ่งกว่ามันจะปิด รูปร่างของแท่งเทียนอาจเปลี่ยนไป และอาจไม่ได้อยู่ในรูปของค้อนแล้ว
เข้า Buy เมื่อแท่งเทียนที่ว่านี้เริ่มก่อตัว หรือหากคุณต้องการการยืนยันเพิ่มเติมละก็ หากแท่งเทียนต่อไปนี้ปิดที่เหนือราคาเปิด ของแท่งเทียนทางด้านซ้ายของ hammer สีของค้อนนั้นไม่สำคัญ อย่างไรก็ตามหากเป็นสีเขียว ยิ่งบ่งบอกว่าสัญญาณในการเข้า Buy นั้นแข็งแกร่งขึ้น
นี่คือลักษณะของ hammer บนกราฟจริง:
'shooting star' นั้นค่อนข้างคล้ายกันกับ hammer มันเป็นรูปแบบของแท่งเทียนแท่งเดียวด้วยเช่นกัน ตัวของแท่งเทียนก็มีขนาดเล็ก และเงาจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเทียนอย่างน้อย 2 เท่า เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามมันไม่เหมือนกับ hammer ตรงที่ shooting star นั้นมีเงาอยู่เหนือตัวเทียน และเป็นสัญญาณในการเข้า Sell เทียนอาจมีสีใดก็ได้ แต่ว่าถ้าเป็นสีแดงจะเป็นการบ่งบอกว่า สัญญาณในการเข้า Sell นั้นแข็งแกร่งขึ้น
นี่คือลักษณะของ shooting star บนกราฟจริง:
กลยุทธ์ก่อนหน้านี้นั้น มันเกี่ยวกับรูปแบบของแท่งเทียน ตอนนี้เรามาดูรูปแบบของกราฟที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพกัน
รูปแบบ 'head and shoulders' นั้น เกิดขึ้นตรงจุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้น ประกอบด้วยส่วน Head หรือ หัว (ยอดที่สูงที่สุด และยอดที่สูงรองลงมา) Shoulders หรือ ไหล่ทั้งสองข้าง (สองยอดที่ต่ำลงมา) และ Neckline หรือ เส้นคอ (เส้นที่เชื่อมต่อจุดต่ำสุดของร่องสองร่อง ซึ่งจะแสดงถึงระดับแนวรับ) neckline อาจอยู่ในแนวนอน หรืออยู่ในแนวเฉียงขึ้น/ลง ก็ได้ สัญญาณจะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เมื่อเส้นนั้นเฉียงลงแทนที่จะเฉียงขึ้น
รูปแบบจะได้รับการยืนยันเมื่อราคาทะลุต่ำกว่า neckline หลังจากมีการสร้าง shoulder ที่สอง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือหลังจากนี้ราคาจะเริ่มเข้าสู่ขาลง ด้วยเหตุนี้คำสั่ง Sell จึงถูกวางไว้ต่ำกว่า neckline วัดระยะห่างระหว่างจุดสูงสุดของ head และ neckline ระยะทางนี้จะเป็นการประมาณว่าราคาจะขยับลงมาเท่าไร หลังจากที่มันพุ่งทะลุ neckline ลงไปแล้ว
สังเกตว่าราคามักจะกลับไปที่ neckline หลังจากที่มีการทะลุครั้งแรก ในกรณีนี้ neckline ที่เคยเป็นแนวรับ มักจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน
รูปแบบ 'Head and Shoulders แบบกลับด้าน' เป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับ Head and Shoulders มันเกิดขึ้นที่จุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาลง และบ่งบอกถึงการกลับตัวแบบ bullish (ขาขึ้น)
'Double top' มักจะก่อตัวขึ้น ที่จุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์ใช้มันบ่อยมากๆ รูปแบบนี้ประกอบไปด้วยยอดสองยอด ที่มีความสูงใกล้เคียงกัน (หรือเกือบจะใกล้เคียงกัน) โดยมีร่องขนาดกลางอยู่ระหว่างยอดสองอันนั้น โดยจะทำการวาด neckline พาดผ่านจุดต่ำสุดของร่อง
รูปแบบนี้จะได้รับการยืนยัน เมื่อราคาทะลุลงต่ำกว่า neckline หลังจากสร้าง shoulder ที่สอง เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วคู่สกุลเงินควรเริ่มเป็นแนวโน้มขาลง วางคำสั่ง Sell ไว้ต่ำกว่า neckline วัดระยะห่างระหว่าง peaks และ neckline ซึ่งระยะนี้จะเป็นระยะทางโดยประมาณว่า ราคาจะขยับไปไกลแค่ไหน หลังจากที่มันทะลุ neckline ไปแล้ว หลังจากการพุ่งทะลุ ราคาอาจกลับไปที่ neckline ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะกลับมาที่เดิมและไปต่อ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะเปิดคำสั่ง Sell ที่ราคาที่สูงขึ้น
'Double bottom' คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับ 'Double top' มันเกิดขึ้นที่จุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาลง และบ่งบอกถึงการกลับตัวแบบ bullish (ขาขึ้น)
โดยรูปแบบที่คล้ายกันนั้นมีสามยอด/ร่อง เรียกว่า 'Triple top' / 'bottom' ตรรกะในการซื้อขายนั้นใช้เหมือนกัน
ในกลยุทธ์ก่อนหน้านี้เราไม่ได้ใช้อะไรเลย นอกจากกราฟราคาเอง ตอนนี้ถึงเวลาใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่เรียกว่า 'Moving Average' หรือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เรียกสั้นๆ ว่า MA
Moving average เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้ม MA แสดงราคาเฉลี่ยสำหรับช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้นความผันผวนจึงราบเรียบกว่ากราฟราคา ตัวอย่างเช่น หากเรามี MA 10 วัน เราจะคำนวณผลรวมของ 10 ราคาปิดล่าสุด แล้วหารด้วย 10 เมื่อแท่งเทียนใหม่ปรากฏบนแผนภูมิ แท่งเทียนที่เก่าที่สุดจะไม่ถูกนับอีกต่อไป
MA นั้นมีอยู่สี่ ประเภท: simple, exponential, linear weighted, และ smoothed เราขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยประเภท simple
ในเมนูด้านบน ให้ไปที่ “Insert” ค้นหา “Indicators” แล้วไปที่ “Trend” จากนั้นเลือก Moving Average สิ่งที่สำคัญกว่าคือการใช้การตั้งค่าที่ถูกต้อง
Period เป็นจำนวนของแท่งเทียน ที่เราสนใจที่จะนำมาคำนวณ ยิ่งใช้ period มากเท่าไร เส้น MA ก็จะยิ่งราบเรียบมากขึ้นเท่านั้น กลับกันถ้าใช้ period น้อยๆ เส้น MA ก็จะยิ่งอยู่ใกล้ราคามากขึ้น
เทรดเดอร์ชอบใช้เส้น MA กับ period ที่ 50, 100 และ 200 สำหรับกรอบเวลาขนาดใหญ่ และ 9, 12 และ 26 สำหรับกรอบเวลาที่เล็กกว่า
ราคานั้นมันมีหลายตัวเลือกมาก สามารถใช้ค่า Close, Open, High, Low, Median, Typical และ Weighed close prices ได้ แต่อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้ว เทรดเดอร์มักจะเลือกใช้ Close
การตั้งค่านี้ใช้เพื่อดึงตัวบ่งชี้ MA ไปมา ตามช่วงเวลา ผลก็คือ MA จะเลื่อนไปทางขวาหรือทางซ้าย
คุณสามารถใช้เส้น MA เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้ม: ถ้ามันลดลงแสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลง ถ้ามันเพิ่มขึ้นแสดงว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น Moving Average crossover อาจช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้ว่า จะเข้าและออกจากตลาดเมื่อใด Moving average crossover เกิดขึ้นเมื่อ MA สองเส้นที่ต่างกันมาตัดกัน การ Crossover กันนั้นมีอยู่สองประเภท: คือ Golden และ Dead
เมื่อเส้น MA ของที่มี period เล็กกว่าตัดกับ เส้น MA ที่มี period ใหญ่กว่า โดยตัดจากล่างขึ้นบน นั่นเป็น สัญญาณในการเข้า Buy
เมื่อเส้น MA ของที่มี period เล็กกว่าตัดกับ เส้น MA ที่มี period ใหญ่กว่า โดยตัดจากบนลงล่าง นั่นเป็น สัญญาณในการเข้า Sell
สังเกตว่า Golden cross มักจะใช้งานได้ เมื่อราคาอยู่เหนือเส้น MA หรือในกรณีของ Dead cross ก็คือเมื่อราคาอยู่ต่ำกว่าเส้น MA
มาสรุปสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ในวันนี้กัน:
เยี่ยมไปเลย! ตอนนี้คุณสามารถใช้กลยุทธ์ ในการซื้อขายทั้งหมดนี้เป็นแล้ว อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าวิธีที่ดีที่สุด ในการที่จะทำความเข้าใจ ก็คือการนำไปปฏิบัติ งั้นก็ไปลองกันเลย!
ในการซื้อขาย เราสามารถพึ่งพาสัญญาณเข้าที่แตกต่างกันมากมายได้
รูปแบบกรอบสามเหลี่ยมเป็นรูปแบบการสะสมราคาของราคาสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวภายในช่วงที่แคบลงเรื่อย
การเทรดนั้นมีความซับซ้อนหลายระดับ เริ่มจากที่ง่ายที่สุด เช่น การซื้อและขายสินทรัพย์แบบสุ่ม ไปจนถึงระดับที่ต้องใช้ความเข้าใจมากขึ้น ที่ต้องมีการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ, จังหวะเวลา, และการตั้งเป้าหมาย
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา
FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา
เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว
ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้
คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน
หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์
เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง
อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!